“บิ๊กปั๊ด” ร้อนใจข่าวขายบัตรตำรวจ 350 ให้ต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองจากการลี้ภัย โดยมอบให้ บช.ภ.6 สตม. ตชด.ตรวจสอบ ไม่พบมีตำรวจคนใดขายบัตรตามที่มีการนำเสนอ พร้อมให้ฝ่ายสืบสวนขยายผลเพิ่มเติม
เมื่อวันที่ 9 เม.ย. 65 พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกตำรวจติ ชี้แจงกรณีที่สื่อสังคมออนไลน์นำเสนอเกี่ยวกับประเด็นมีการขายบัตรตำรวจ ราคา 350 บาท ให้กับบุคคลต่างด้าวที่ลักลอบหลบหนีเข้าเมืองเพื่อลี้ภัยปัญหาความไม่สงบของประเทศเพื่อนบ้านแลกกับการไม่ถูกจับกุมดำเนินคดีหรือถูกนำตัวผลักดันส่งกลับประเทศต้นทางในพื้นที่ จ.ตาก นั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม มีความห่วงใยต่อสถานการณ์ดังกล่าวจึงได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือหน่วยงานใด ไปมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ หากตรวจพบมีเจ้าหน้าที่ไปเรียกรับผลประโยชน์ในทางมิชอบก็ให้ดำเนินการตามขั้นตอนที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการดำเนินการในมิติด้านความมั่นคง ด้านสาธารณสุข และการให้ความช่วยเหลือตามหลักสิทธิมนุษยชน เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาและดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงในพื้นที่ชายแดน
“ผบ.ตร. สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดที่เกี่ยวข้อง ตำรวจภูธรภาค 6 สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน และ ตำรวจภูธรจังหวัดตาก ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริง ที่เกิดขึ้นโดยเร็ว พร้อมกำชับให้ประสานหน่วยงานความมั่นคง หน่วยงานสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย การป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อไวรัส รวมถึงการให้ความช่วยเหลือตามหลักสิทธิมนุษยชน อีกทั้งให้ผู้บังคับบัญชาทุกหน่วยลงไปกำกับดูแลการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างใกล้ชิดห้ามไปเรียกรับผลประโยชน์ในทางมิชอบหรือมีส่วนร่วมในการกระทำความผิด หากพบข้อบกพร่องก็จะพิจารณาโทษผู้บังคับบัญชาต้นสังกัดอีกส่วนหนึ่งด้วยเช่นกัน” รองโฆษกตำรวจเผย
รองโฆษกตำรวจ กล่าวต่อว่า ได้รับรายงานในเบื้องต้นจากการสืบสวนหาข่าวและการตรวจสอบข้อเท็จจริงของ ตำรวจภูธรภาค 6 สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน และตำรวจภูธรจังหวัดตาก ขณะนี้จากการตรวจสอบยังไม่ปรากฏว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยใดไปทำการขายบัตร หรือเรียกรับผลประโยชน์ในทางมิชอบแต่อย่างใดตามประเด็นที่สื่อสังคมออนไลน์ได้นำเสนอ
พร้อมได้สั่งการให้มีการสืบสวนสอบสวนขยายผลเพิ่มเติม เพื่อขับเคลื่อนตามนโยบายรัฐบาลที่มุ่งเน้นความมั่นคงในพื้นที่ชายแดน นอกจากนี้หากพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด สามารถแจ้งข้อมูลที่เกี่ยวข้อง มายังหมายเลขสายด่วน 191 หรือ 1599 ตลอด 24 ชม.