ปส. เปิดปฏิบัติการทลายแก๊ง “จอร์จ ฮาร์เพอร์” นักค้ายานรกชานกรุง ตามยึดทรัพย์กว่า 64 ล้าน พบพฤติกรรมลอบค้าออนไลน์ เงินหมุนเวียนกว่า 100 ล้าน
หลังจากส่งกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ศูนย์รักษาความปลอดภัย กองทัพไทย, สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด, กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย เข้าปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมายเครือข่ายยาเสพติด 20 จุดทั่วประเทศ สามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ 6 ราย พร้อมยาบ้า 16,800 เม็ด ยาอี 300 เม็ด เคตามีน 1.99 กรัม และตรวจยึดทรัพย์สิน ได้แก่ บ้านและที่ดินหลายรายการ, รถยนต์ 7 คัน, รถจักรยานยนต์ 6 คัน, เงินสด 900,000 บาท, บัญชีธนาคาร รวมมูลค่ากว่า 64 ล้านบาท
พล.ต.ท.สรายุทธ เปิดเผยว่า ระหว่างปี 2562-2564 มีการจับกุมผู้ต้องหาค้ายาเสพติดรายสำคัญ ที่พบการลักลอบขายผ่านช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ จำนวน 5 คดี จากนั้นจึงขยายผลการจับกุม เพื่อกวาดล้างผู้ร่วมขบวนการที่เหลือ กระทั่งไปพบเกี่ยวข้องกับเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่อีก 2 กลุ่ม เครือข่ายแรกนั้นอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ ตอนเหนือ บริเวณ เขตสายไหม เขตต่อติดกับอ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี
พล.ต.ท.สรายุทธ กล่าวต่อว่า ส่วนอีกกลุ่มนั้นอยู่ในพื้นที่เขตบางมด-จอมทอง ทั้งสองกลุ่มมีพฤติกรรมคล้ายกัน คือนำยาเสพติดไปซุกซ่อนไว้ตามบ้านพักที่เปิดขึ้นมาโดยเฉพาะ หรือ ซุกซ่อนไว้ในรถยนต์ เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจค้น ก่อนกระจายส่งยาเสพติดไปทั่วประเทศ
พล.ต.ท.สรายุทธ กล่าวอีกว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปส.4 จึงเร่งสอบสวนขยายผล จนออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องไว้ได้ 9 ราย มี นายเจริญชัย (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 29 ปี ซึ่งใช้บัญชีเฟซบุ๊กชื่อ “Gerøge Häper” (จอร์จ ฮาร์เพอร์) เป็นหัวหน้ากลุ่ม ที่ใช้วิธีสั่งการผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์ และเมสเซ็นเจอร์ เพื่อติดต่อซื้อขาย หากลูกค้าที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงก็จะให้ลูกน้องนำยาเสพติดไปส่งยังจุดนัดหมาย ส่วนลูกค้าที่อยู่ต่างจังหวัดก็จะลักลอบส่งผ่านบริษัทขนส่ง รวมถึงไรเดอร์บริษัทต่าง ๆ
พล.ต.ท.สรายุทธ กล่าวด้วยว่า ปฏิบัติการครั้งนี้สามารถจับกุมนายเจริญชัย และผู้ต้องหาหมายจับรายอื่น รวม 6 ราย และยึดทรัพย์มูลค่ากว่า 60 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังพบว่า สมุดบัญชีธนาคารที่ตรวจยึดมาได้นั้น มีเงินหมุนเวียนมากกว่า 100 ล้านบาท หลังจากนี้จะขยายผลไปยังผู้เกี่ยวข้องต่อไป
ด้าน พล.ต.อ.รอย กล่าวว่า อยากฝากเตือนถึงบริษัทขนส่งและไรเดอร์แอพพลิเคชั่นต่าง ๆ ให้ตรวจสอบสินค้าที่นำส่งว่าเป็นสิ่งผิดกฎหมายหรือไม่ มิเช่นนั้นจะต้องถูกตรวจสอบด้วยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดหรือไม่