“ไพบูลย์” การันตีเลือกตั้งครั้งหน้าต้องใช้บัตร 2 ใบ เป็นไปไม่ได้หวนกลับไปใช้บัตรใบเดียว “สมชัย” ย้ำแก้เป็นบัตรใบเดียวใน กมธ.ทำไม่ได้ ต้องชงแก้ รธน.ใหม่เป็นไปได้ยาก เว้นแต่ศาลรัฐธรรมนูญจะชี้กฎหมายลูกขัด รธน. พท.เฉ่งรัฐบาลใจดำคว่ำทิ้งร่าง ก.ม.พรรคฝ่ายค้าน “สมคิด” ขู่คุมเสียงให้ดี สภาฯล่มอย่ามาโทษกัน เย้ยหลอนกลัว “ทักษิณ” เกินเหตุ สู้ต่อใน กมธ.ยัน ม.28 ให้คนนอกแนะนำปรึกษาได้ ปชป.ร้าวอีก “ราเมศ” วืดลงเลือกตั้ง ส.ส.พังงา เขต 2 ประกาศลดบทบาทขึ้นตรงเลขาฯพรรค “นิพิฏฐ์” ชี้เสือ 2 ตัวในถ้ำเดียวกัน จุฬาฯปลดนายกสโมสรนิสิต เซ่นเชิญ “ปวิน-รุ้ง-กวิ้น” ไลฟ์เซอร์ไพรส์ “เนติวิทย์” โวยลั่นถูกรัฐประหาร
รัฐบาลเตรียมวางตัวนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)เป็นประธานกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรค การเมืองคุมเกมการพิจารณาแปรญัตติร่างกฎหมายลูก 2 ฉบับ โดยนายไพบูลย์ระบุเป็นไปไม่ได้ที่จะกลับไปใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียว
รัฐบาลตีตราจอง ปธ.กมธ.ก.ม.ลูก
เมื่อวันที่ 26 ก.พ.นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรค การเมืองให้สัมภาษณ์ถึงการเลือกตัวประธานกรรมา ธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมืองว่าเป็นการเลือกโดยเสียงข้างมากของคณะ กมธ. น่าจะเป็นฝ่ายซีกรัฐบาล ส่วนการจะเลือกใครเป็นประธาน กมธ. ต้องรอวันประชุม กมธ.คือวันที่ 1 มี.ค.

“ไพบูลย์” ปิดประตูฟื้นบัตรใบเดียว
เมื่อถามว่าจะมีความเป็นไปได้หรือไม่ที่จะมีการโหวตคว่ำร่าง พ.ร.บ.ทั้ง 2 ฉบับ เพื่อให้กลับไปใช้ระบบการเลือกตั้งแบบบัตรใบเดียว นายไพบูลย์กล่าวว่า ไม่มีความเป็นไปได้เลย เนื่องจากในทางกฎหมายไม่ว่ากฎหมายลูกจะเขียนอย่างไร ต้องเป็นระบบการเลือกตั้งด้วยบัตร 2 ใบ หากเป็นระบบบัตรเลือกตั้งใบเดียวจะขัดกับรัฐธรรมนูญไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะเป็นบัตรใบเดียว หากจะแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อกลับไปใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียว ต้องกลับไปเริ่มกระบวนการใหม่ทั้งหมดคงไม่มีใครไปเริ่มกระบวนการใหม่เป็นบัตรใบเดียว จะต้องมี ส.ส.ไปเข้าชื่อเสนอให้มีบัตรใบเดียว ต้องใช้เสียง 1 ใน 5 ของ ส.ส. ส่วนตัวพูดได้เลยว่าไม่มีใครจะเริ่มใหม่และการเลือกตั้งครั้งหน้า ต้องใช้ระบบบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ
เว้นแต่ศาล รธน.จะชี้ ก.ม.ลูกขัด รธน.
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในฐานะ กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และ ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมืองกล่าวถึงกระแสข่าวการล็อบบี้ให้นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรค พปชร.เป็นประธาน กมธ.พิจารณากฎหมายลูก 2 ฉบับว่า ปกติจะใช้เสียงข้างมากโหวต ส่วนใหญ่จะเป็นคนของรัฐบาลขึ้นอยู่กับรัฐบาลอยากให้ใครเป็น ไม่ต้องล็อบบี้ หากตกลงให้คนใดเป็นประธานโหวตอย่างไรก็ชนะ ฝ่ายค้านไม่มีทางชนะได้ ส่วนความเป็นไปได้ที่จะกลับไปใช้ระบบบัตรเลือกตั้งใบเดียว จะกลับไปใช้บัตรใบเดียวได้ต้องเสนอแก้รัฐธรรมนูญใหม่อีกรอบน่าจะเป็นไปยาก ยกเว้นในขั้นการพิจารณากฎหมายลูกจะหาทางออกไม่ได้ จนกระทั่งไม่ผ่านการลงมติวาระ 2-3 หรืออาจผ่านลงมติวาระ 3 ไปแล้วส่งศาลรัฐธรรมนูญ แต่ศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่ากฎหมายลูกขัดรัฐธรรมนูญ ไม่สามารถเดินหน้าต่อได้ เป็นหน้าที่รัฐบาลหาทางแก้ไขอย่างไร เช่น เสนอแก้รัฐธรรมนูญเข้ามาใหม่ เป็นระบบบัตรเลือกตั้งใบเดียว แต่จะแก้ไขเป็นบัตรใบเดียวในชั้น กมธ. ทำไม่ได้ กมธ. ต้องเดินหน้าบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ เพียงแต่จะออกแบบกฎหมายลูกในขั้นแปรญัตติให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญอย่างไร
ปชป.หวังถก ก.ม.ลูกจะราบรื่น
นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี ในฐานะรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขอขอบคุณสมาชิกรัฐสภาทุกคนที่ช่วยกันผลักดันให้ ร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมือง ผ่านความเห็นชอบรับหลักการด้วยดี เพื่อแก้ไขให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญที่พรรคประชาธิปัตย์ผลักดัน เพื่อส่งเสริมสนับสนุนให้เป็นประชาธิปไตยมากยิ่งขึ้น ในฐานะหนึ่งในคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างกฎหมายลูกทั้งสองฉบับ คาดหวังว่าการประชุมคณะ กมธ.จะราบรื่น ทุกส่วนจะได้ร่วมกันพิจารณากฎหมาย 2 ฉบับ นำไปสู่การเลือกตั้งเป็นทางออกให้ประเทศและเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย
พท.ฉะ รบ.ใจดำสภาล้มอย่าโทษกัน
นายสมคิด เชื้อคง รองประธานวิปฝ่ายค้าน ในฐานะ กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และพรรคการเมือง ให้สัมภาษณ์กรณีรัฐสภาผ่านร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมือง 3 ร่างของรัฐบาลและตีตก 3 ร่างของพรรคร่วมฝ่ายค้านว่า กรณีนี้รัฐบาลและ ส.ว.ใจจืดใจดำไปหน่อย แม้ว่าถ้าผ่านร่างของพรรคร่วมฝ่ายค้านไปก็ไม่ได้เสียหายอะไร เมื่อถึงชั้น กมธ.ต้องใช้ร่างของรัฐบาลเป็นร่างหลักพิจารณาอยู่แล้ว และแม้ว่าร่างของพรรคร่วมฝ่ายค้านตกไป กมธ.ซีกฝ่ายค้านยังแปรญัตติสิ่งที่ต้องการได้อยู่ เพียงแต่ให้อยู่ในหลักการและสุดท้ายในชั้น กมธ.รัฐบาลเป็นผู้คุมเกมอยู่แล้ว ทำไมต้องตีตกตั้งแต่ต้นทั้งที่เป็นความต้องการของสมาชิกรัฐสภาจำนวนหนึ่ง ทำให้เห็นว่ารัฐบาลและ ส.ว.ไม่มีท่าทีลดราวาศอกกันเลย แล้วแบบนี้จะขอความร่วมมือ กับเสียงข้างน้อยได้อย่างไร เมื่อเขายึดเสียงข้างมากเป็นใหญ่ ถ้าเกิดสภาฯล่มขึ้นมาอีก อย่ามาโทษฝ่ายค้านแล้วกัน ขอให้เสียงข้างมากรักษาองค์ประชุมให้ได้

กลัว “ทักษิณ” เกินเหตุยันกลับใน กมธ.
นายสมคิดกล่าวว่า ในชั้น กมธ.ได้พูดคุยเบื้องต้นว่าจะดำเนินการให้แล้วเสร็จก่อนเปิดสมัยประชุมวันที่ 22 พ.ค. เริ่มประชุมนัดแรกวันที่ 1 มี.ค.กมธ.ซีกพรรคร่วมฝ่ายค้านจะยืนยันเนื้อหาที่ตกไปของร่างฝ่ายค้านด้วย เพื่อให้ กมธ.พิจารณา ต้องรอดูต่อไปว่าเสียงข้างมากจะเห็นอย่างไร ยืนยันว่ามาตรา 28 ในร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมืองที่ถูกกล่าวหาว่าพรรคเพื่อไทยสอดไส้ให้คนนอกมาครอบงำ ไม่เป็นความจริง ทุกอย่างยังคงอยู่ เพียงแต่ใส่ข้อยกเว้นไว้ว่าเว้นแต่การให้คำเสนอแนะและแนะนำสามารถกระทำได้ เนื่องจากพรรคเพื่อไทยมีนักวิชาการจำนวนมากเข้ามาให้ข้อมูลหลายเรื่อง เช่น กระจายอำนาจ กระบวนการยุติธรรม การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ถ้าพรรคเพื่อไทยนำข้อแนะนำเหล่านี้มาเป็นนโยบายจะถูกกล่าวหาว่าคนนอกครอบงำ เราเลยอยากเขียนให้ชัดเจน ไม่ให้นำประเด็นไปเป็นเครื่องมือทางการเมืองยุบพรรคเท่านั้น หลายพรรคทำกันเช่นนี้เป็นธรรมชาติ เราจึงอยากทำให้ชัดเจนเพื่อความปลอดภัยของทุกพรรค ไม่เกี่ยวกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯแม้แต่นิดเดียว ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยหวาดระแวงกันจนเกินไป จนกฎหมายดีๆจะถูกนำไปเป็นเครื่องมือทางการเมือง ในชั้น กมธ.เราจะยืนยันประเด็นนี้
ซัดแก้โควิดวนซ้ำ ปชช.สุดทนรัฐบาล
น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ โฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า จากสถานการณ์โควิด-19 น่าเป็นห่วงเข้าขั้นวิกฤติ การรับมือและป้องกันโรคของรัฐบาลยังทำได้ไม่ดีพอ กว่า 2 ปีปัญหายังวนซ้ำเดิม สายด่วน 1330 ไม่มีผู้รับสาย เตียงไม่พอ ภาครัฐให้ข้อมูลสับสน การรักษาโรคตามสิทธิเปลี่ยนกลับไปกลับมา รัฐบาลควรเร่งปรับกระบวนการทำงานเร่งด่วน เพิ่มคู่สาย 1330 ให้เพียงพอ ยุบรวมแอปพลิเคชันโควิดทั้งหมดเหลือแอปเดียว วันนี้โควิดถูกนำไปสร้างความกลัวให้ประชาชน และเป็นเครื่องมือรักษาอำนาจทางการเมือง ทำให้ชีวิตคนไทยแขวนอยู่บนเส้นด้าย รัฐบาลไม่มีความสามารถประเมินสถานการณ์บริหารจัดการโรคระบาด ไม่สามารถดูแลรักษาชีวิตของประชาชนได้ ท่านไม่มีโอกาสแก้ตัวอีกแล้วและประชาชนจะไม่ยอมให้โอกาสอีก

“ราเมศ” วืดลง ส.ส.ขอลดบทบาท
เมื่อเวลา 10.30 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายราเมศ รัตนะเชวงโฆษกพรรคประชาธิปัตย์แถลงกรณีกระแสข่าวว่าจะลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ หลังไม่ได้ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.พังงา เขต 2 ว่า พรรคประชาธิปัตย์คือชีวิต ที่ผ่านมาลงพื้นที่เขต 2 จ.พังงา อ.ตะกั่วป่าท้ายเหมือง คุระบุรี และ อ.กะปง เป็นสมาชิกพรรคขอใช้สิทธิลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคตามข้อ 17 คลุกคลีในพื้นที่มาตลอด แต่มีการปล่อยข่าวว่ามีการกำหนดตัวผู้สมัครในเขตเลือกตั้งที่ 2 จ.พังงาแล้ว ซ้ำยกฐานะความเป็นอยู่ส่วนตัวไม่มีร่ำรวยไม่มีเงินมาสู้ เมื่อแจ้งความประสงค์จะลงทำพื้นที่ จึงจำเป็นต้องขอลดบทบาทเรื่องกฎหมายส่วนกลางของพรรค ทุกอย่างที่รับผิดชอบอยู่จำนวนมาก ทั้งคดีของพรรคและคดีส่วนตัวแต่ละคน ทั้งที่อยู่ในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ศาลรัฐธรรมนูญและศาลยุติธรรมได้ส่งต่อทั้งหมดให้ผู้มีอำนาจหน้าที่เรียบร้อยแล้ว แต่งานกฎหมายพรรคเรื่องใดที่พอช่วยได้พร้อมรับคำสั่งจากนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคเท่านั้น เมื่อถามว่าจะลาออกจากโฆษกพรรคด้วยหรือไม่ นายราเมศกล่าวว่า ตำแหน่งนี้ที่ประชุมใหญ่พรรคเลือกตนมา แต่ไม่ได้ขุ่นเคืองใจหรือน้อยใจหัวหน้า
“นิพิฏฐ์” ชี้เสือ 2 ตัวในถ้ำเดียวกัน
เมื่อเวลา 15.00 น. นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรคสร้างอนาคตไทยและแกนนำพรรคภาคใต้ โพสต์เฟซบุ๊กหัวข้อ “เสือ 2 ตัว ในถ้ำเดียวกัน” ว่า นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์นับเนื่องได้ว่าเป็นลูกศิษย์ทางกฎหมายคนหนึ่งนับถือกันไม่เปลี่ยนแปลง แต่ฟังลูกศิษย์คนนี้แถลงข่าวและพูดถึงคุณจุรินทร์ ที่เป็นหัวหน้าพรรคเขาแล้วเห็นใจ ราเมศบอกทำนองว่าเขาขึ้นกับเลขาธิการพรรค ไม่ขึ้นกับหัวหน้าพรรค ในฐานะอาจารย์ ได้แต่คิดไปว่า ราเมศกับจุรินทร์เหมือนเสือตัวผู้ 2 ตัว ที่อยู่ถ้ำเดียวกัน ตัวหนึ่งเป็นลูกเสือ อีกตัวหนึ่งเป็นพ่อเสือมีทางออก 2 ทางเท่านั้นคือ ลูกเสือกัดพ่อเสือจนหางขาดหรือพ่อเสือกัดลูกเสือจนคอขาด ในฐานะเคยเป็นเสือที่อยู่ถ้ำนี้มาก่อนพอจะดูออกว่าอะไรจะเกิดขึ้น
“สนธิรัตน์” ถกแท็กซี่หาบเร่อุ้มรากหญ้า
ที่พรรคสร้างอนาคตไทย นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ แกนนำและผู้ร่วมก่อตั้งพรรคสร้างอนาคตไทย (สอคท.) พบตัวแทนกลุ่มเครือข่ายแท็กซี่ไทยนำโดยนายวิฑูรย์ แนวพานิช นายกสมาคมการค้าเครือข่ายแท็กซี่ไทยและคณะกว่า 10 คน เพื่อสะท้อนปัญหาคนขับแท็กซี่และกลุ่มหาบเร่แผงลอย นำโดยนายเรวัตร ชอบธรรม ประธานเครือข่ายหาบเร่แผงลอย เสนอฟื้นมนต์เสน่ห์สตรีทฟู้ด ส่งเสริมตลาดชุมชน ตลาดท่องเที่ยว ตลาดออฟฟิศ แก้กฎระเบียบให้กลุ่มรากหญ้ามาหากิน ฝากวางนโยบายสร้างอนาคตแท็กซี่-ผู้ค้าหาบเร่แผงลอยไทย โดยนายสนธิรัตน์กล่าวว่าตัวแทนเครือข่าย 2 กลุ่มขอเข้าพบสะท้อนปัญหาการประกอบอาชีพและนำเสนอแนวทางแก้ปัญหา ให้พรรคใช้เป็นข้อมูลกลั่นกรองเป็นนโยบายสร้างโอกาสให้คนฐานรากได้ทำมาหากิน ลดปัญหาปากท้อง ทุกวันนี้ยากลำบาก พรรค สอคท.จะนำปัญหาและข้อเสนอแนะต่างๆเข้าสู่ที่ประชุมยุทธศาสตร์พรรคร่วมกันวางเป็นนโยบายแก้ปัญหา และสร้างรากฐานอาชีพให้เข้มแข็ง พรรคเปิดรับฟังทุกกลุ่มทุกสาขาอาชีพ เน้นจัดทำนโยบายจากคนทำงานจริงไม่ขายฝัน
“กรณ์” เปิดตัว “พงศ์พล” ลุยสวนหลวง
นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า กล่าวว่า ได้เปิดตัวนายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ เป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตสวนหลวง-ประเวศ โดยนายพงศ์พลเป็นสตาร์ตอัพสาย personal care จากการตั้งบริษัทเล็กๆที่นิวยอร์ก จนนำเข้ามาตั้งฐานผลิตในไทยเปิดตลาดสินค้าสู่กว่า 60 ประเทศทั่วโลก เป็นตัวอย่างเด็กรุ่นใหม่ที่ทะยานอยากประสบความสำเร็จในเชิงธุรกิจ ด้วยน้ำพักน้ำแรงตัวเองในเวทีสากล ใช้เวลาว่างสั่งสมประสบการณ์ขณะทำงานประจำที่อเมริกากับองค์กรชั้นนำอย่าง Viacom (เครือ MTV)และ McKinsey and Company บริษัทที่ปรึกษาระดับโลก พลังขับเคลื่อนที่เห็นจากนายพงศ์พลคือพลังความสร้างสรรค์และความนอกคอกบางอย่างที่นักการเมืองไทยไม่ค่อยจะมี ขณะที่องค์ความรู้ความเข้าใจด้านธุรกิจ-การจัดการ และการคิดวิเคราะห์แก้ปัญหาสังคมโดยใช้ดีไซน์-เทคโนโลยีจากที่ร่ำเรียน Design Management จาก Pratt Institute นิวยอร์ก ปริญญาตรี สถาปัตย์ จุฬาฯ ถือว่าอาวุธครบมือ

จุฬาฯปลด “เนติวิทย์” พ้นนายก อบจ.
เพจองค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (อบจ.) เผยแพร่คำสั่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ 0821/2565 เรื่อง ลงโทษตัดคะแนนความประพฤตินิสิต เนื้อหาสรุปว่า สืบเนื่องจากการจัดงานปฐมนิเทศนิสิตใหม่ ปีการศึกษา 2564 ที่จัดขึ้น ในรูปแบบไลฟ์สด มีนิสิต 2 รายที่กระทำผิดวินัยนิสิต ได้แก่ น.ส.พิชชากร ฤกษ์สมพงษ์ นิสิตปริญญาตรี คณะครุศาสตร์ ผู้ดำรงตำแหน่งอุปนายกคนที่ 1 และนายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล นิสิตปริญญาตรี คณะรัฐศาสตร์ ผู้ดำรงตำแหน่งนายกสโมสรนิสิต โดยบรรยายความผิดของ น.ส.พิชชากรว่ากระทำกิจกรรม “เซอร์ไพรส์” ขัดต่อวัตถุประสงค์การจัดกิจกรรมของ สำนักบริหารกิจการนิสิต นำเสนอวีดิทัศน์ของวิทยากรรับเชิญ 3 ราย คือ คุณปวิน คุณรุ้งและคุณเพนกวิน ไม่ได้แจ้งให้สำนักบริหารกิจการนิสิตทราบก่อนในกิจกรรม “เซอร์ไพรส์” ดังกล่าว มีข้อความของคุณ เพนกวินกล่าวเชิญชวนให้นิสิตใหม่ให้ของลับ ทั้งยัง มีกิริยาท่าทางและคำพูดที่ “หยาบคาย” สำหรับนายเนติวิทย์ สำนักบริหารกิจการนิสิตบรรยายความผิดไว้ว่า ปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ควบคุมดูแลการดำเนินงาน ขององค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาฯ รู้เห็นเป็นใจกับ การจัดกิจกรรมดังกล่าว สำนักบริหารกิจการนิสิตตัดคะแนนความประพฤติของทั้ง 2 คน คนละ 10 คะแนน และนายเนติวิทย์จะมีผลให้พ้นจากการดำรงตำแหน่งนายกสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยโดยทันที
โวยลั่นถูกผู้บริหารรัฐประหาร
ด้านนายเนติวิทย์ได้โพสต์ “แถลงการณ์ส่วนตัว กรณีถูกปลดจากตำแหน่งนายกสโมสรนิสิตจุฬาฯ” มีเนื้อหาสรุปว่า ได้เข้าไปรับทราบคำสั่งของนายชัยพร ภู่ประเสริฐ รองอธิการบดีจุฬาฯ คำสั่งนี้ทำให้หมด คุณสมบัติดำรงตำแหน่งนายกสโมสรนิสิตจุฬาฯ ทันที หรืออีกนัยคือถูกผู้บริหารมหาวิทยาลัยก่อรัฐประหารแล้ว พวกเขาไม่สนใจคะแนนเสียงนิสิตมากกว่าหมื่นคนที่เลือกตนมา ไม่เคารพหลักการเสรีภาพและประชาธิปไตย ผลลัพธ์นี้มิใช่เรื่องน่าประหลาดใจนัก ใครก็ตามที่ กล้าพอจะมีกระดูกสันหลังในสังคมซึ่งนิยมการหมอบคลานนี้ต้องถูกผู้มีอำนาจข่มเหงอยู่แล้ว เรื่องน่าอัปยศ คือ ผู้บริหารมหาวิทยาลัยกลับมิได้อยู่ฝ่ายคนที่ต่อสู้เพื่อเสรีภาพประชาธิปไตยและมิได้มีจุดยืนอยู่ข้างพุทธิปัญญา หากแต่เชื่อฟังและโอนอ่อนผ่อนตามอำนาจนำของฝ่ายเผด็จการ นายชัยพรเป็นคนเดียวกับประธานคณะกรรมการตัดสินลงโทษผมและเพื่อนๆ ให้หลุดออกจากตำแหน่งประธานสภานิสิตในปี 2017 จนฟ้องศาลปกครองชนะ จึงได้รับคะแนนกลับมาลงเลือกตั้งอีกครั้ง ถึงไม่มีตำแหน่งแล้ว จะไม่ทอดทิ้งเสียงหมื่นเสียงที่ไว้วางใจ และยังคงสนับสนุนเสรีภาพการแสดงออกอย่างเต็มที่ รวมถึงเสรีภาพในการไม่เห็นด้วย เสียดสี ด่าว่า ชูนิ้วกลางใส่หรือถือป้ายประท้วง ผู้มีอำนาจ ไม่ว่ารัฐบาล ผู้บริหารมหาวิทยาลัยควรจะ ต้องอดทนยอมรับได้
นิสิตร่อนแถลงการณ์จี้ทบทวนคำสั่ง
ขณะที่คณะกรรมการนิสิตอักษรศาสตร์จุฬาฯ ร่วมกับสโมสรนิสิตรัฐศาสตร์ คณะกรรมการนิสิตปริญญาบัณฑิตคณะครุศาสตร์ สโมสรนิสิตเภสัชศาสตร์ สโมสรนิสิตสำนักวิชาทรัพยากรการเกษตร ได้ออกแถลงการณ์ร่วม ขอให้ทบทวนคำสั่งตัดคะแนนความประพฤติและปลดนายกสโมสรนิสิตใจความตอนหนึ่งว่า หัวหน้านิสิตและผู้แทนนิสิตจากคณะต่างๆ ขอแสดงจุดยืนให้สำนักบริหารกิจการนิสิตทบทวนคำสั่งการตัดคะแนนจนมีผลให้ต้องพ้นจากตำแหน่งขัดเจตนารมณ์ของนิสิตที่ลงคะแนนเสียงเลือกนายกสโมสรนิสิต ละเมิดเสรีภาพการแสดงออกตามหลักประชาธิปไตย ข้อความของนายพริษฐ์รวมถึงแขกรับเชิญคนอื่นๆ มิได้ส่งเสริมยั่วยุให้ก่อความรุนแรง การเลือกปฏิบัติ หรือแสดงประทุษวาจาต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่งเพียงแต่ส่งเสริมให้นิสิตตรวจสอบการบริหารของจุฬาฯและได้วิพากษ์ต่อความอยุติธรรมที่อาจเกิดขึ้น พร้อมทั้งเชิญชวนนิสิตปัจจุบันร่วมลงชื่อในแบบฟอร์มคัดค้าน ส่งถึงสำนักบริหารกิจการนิสิตต่อไป