ได้ข้อยุติแล้ว กรณีพบเงินใส่ซองอยู่ในกุฏิอดีตเจ้าอาวาสวัดที่ปราจีนบุรี มากกว่า 10 ล้านบาท พฐ.ไปตรวจไม่พบร่องรอยการรื้อค้น ขโมยสิ่งของไปก่อนหน้านี้ วัดกับญาติเตรียมหาข้อสรุป ด้านเจ้าคณะอำเภอเผย กฎหมายระบุชัด หากไม่ได้ทำพินัยกรรมไว้ ทรัพย์สินของพระที่มรณภาพต้องตกเป็นของวัด ญาติหมดสิทธิ์
จากกรณี เมื่อวันที่ 20 มี.ค. ญาติโยมและกรรมการวัดได้ทำบุญครบ 50 วันให้พระครูสีตจิตธรรมคุณ หรือหลวงพ่อเย็น อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าทรงธรรม ต.ท่าตูม อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี มีความเห็นว่า ควรมีการเปิดกุฏิเจ้าอาวาสเพื่อเคลียร์ทรัพย์สิน จากนั้นทุกคนได้พร้อมกันเปิดกุฏิและห้องส่วนตัวของอดีตเจ้าอาวาส โดยเรียกช่างมาทำการตัดกุญแจ เมื่อทุกคนได้ขึ้นไปชั้นบน พบสิ่งของเครื่องใช้ ซองใส่ไว้ในถุง และมีเงินของอดีตเจ้าอาวาสจำนวนมาก จึงได้นำใส่กล่องแล้วมาทำการเปิดซองนับเงินมีเงินทั้งสิ้น จำนวน 10,661,150 บาท เบื้องต้นได้นำไปฝากธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาบิ๊กซี โดยมีคณะกรรมการร่วมเปิดบัญชี ทั้งหมด 4 คน
อย่างไรก็ตาม ญาติของพระครูสีตจิตธรรมคุณ หรือหลวงพ่อเย็น อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าทรงธรรม รวมทั้งชาวบ้านเชื่อว่า ท่านอดีตเจ้าอาวาสน่าจะมีเงินอยู่ประมาณ 40 ล้านบาท รวมทั้งที่บริเวณหลังกุฏิมีการงัดแงะก่อนที่คณะกรรมการจะเข้าไปตรวจสอบ และที่ห้องของอดีตเจ้าอาวาสกุญแจไม่มีการล็อก ทำให้มีความสงสัยว่าจะมีคนร้ายเข้าไปทำการลักทรัพย์
ต่อมา เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจังหวัดปราจีนบุรี ได้เดินทางมาตรวจสอบหลักฐานที่กุฏิอดีตเจ้าอาวาส ค้นหาร่องรอยทั้งภายนอกและภายใน พบสภาพมีคราบฝุ่นหนาและมีหยากไย่เต็มไปหมด ไม่พบร่องรอยใหม่ๆ หรือการเคลื่อนย้ายสิ่งของ มาเป็นเวลานานไม่ต่ำกว่า 1 เดือน จึงไม่น่าที่จะมีบุคคลภายนอกเข้ามาภายในกุฏิจึงได้แจ้งให้ญาติของเจ้าอาวาสทราบ ซึ่งญาติรับทราบและหายสงสัย ไม่ติดใจว่าจะมีใครเข้ามาในกุฏิเพื่อเอาทรัพย์สินไป จากนั้นมีการนัดหมายญาติและผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคนพร้อมผู้นำชุมชนให้ร่วมกันนำสิ่งของต่างๆ ออกจากกุฏิ คัดแยกว่าสิ่งไหนที่ใช้ได้ก็จะให้กับทางวัด ที่ใช้ไม่ได้ก็ทิ้งลงถังขยะ การตรวจหาหลักฐานและคัดแยกสิ่งของครั้งนี้ ไม่พบเงินหรือทรัพย์สินที่มีค่าเพิ่มอีกแต่อย่างใด
นายเอกชัย หลานอดีตเจ้าอาวาสวัด เผยว่า หลังจากได้ฟังคำอธิบายจากเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานและเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว รู้สึกสบายใจและไม่ติดใจเรื่องข้อสงสัยใดๆ และจะได้ปรึกษาหารือหาข้อยุติของเรื่องนี้ต่อไป
ทางด้านพระครูภาวนาธรรมธารี (สัมพันธ์ ปญญาปทีโป) เจ้าอาวาสวัดป่ามะไฟ เจ้าคณะอำเภอเมืองปราจีนบุรี กล่าวในเรื่องนี้ว่า กรณีของพระภิกษุ มีกฎหมายเฉพาะในเรื่องของทรัพย์สินหลังจากมรณภาพ มีกฎหมายบอกไว้ว่า “พระภิกษุนั้นระหว่างดำรงสมณเพศ ถ้ามีทรัพย์ที่เกิดขึ้น ทรัพย์นั้นถ้าท่านไม่ได้จำหน่ายจ่ายแจกหรือทำพินัยกรรมไว้ ท่านมรณภาพลง ทรัพย์สินทั้งหลายจะตกเป็นของวัดตามภูมิลำเนาของท่าน ก็คือวัดที่ท่านอยู่ที่ท่านได้บวช” ซึ่งกฎหมายระบุไว้ชัดในมาตรา 1623 เว้นแต่ท่านทำพินัยกรรมหรือจำหน่ายจ่ายแจกไปก่อนที่ท่านจะมรณภาพ ถ้าไม่ได้ทำไว้ หลังจากท่านมรณภาพก็จะตกเป็นของวัดทันที