รมว.ยุติธรรม เผย ป.ป.ส.ขอเพิ่มอำนาจเป็นพนักงานสอบสวน หวังขยายผลยึดทรัพย์คดียาเสพติดเร็วขึ้น หลังเรื่องค้างที่พนักงานสอบสวน แนะให้ ส.ส.ช่วยเสนอจะทำให้แก้ ก.ม.เร็วขึ้น ตัดวงจรยานรกได้ตามเป้า 1 หมื่นล้านบาท มั่นใจทำได้มีนักกฎหมายเต็มกรม
เมื่อวันที่ 4 พ.ค.65 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณี ป.ป.ส.ขอให้เพิ่มอำนาจเป็นพนักงานสอบสวน ว่า ตนได้รับรายงานจาก ป.ป.ส.ว่า ขณะนี้ การขยายผลยึดทรัพย์คดียาเสพติดทำได้ล่าช้า เนื่องจาก ป.ป.ส.ไม่มีอำนาจเป็นหัวหน้าพนักงานสำนวนเหมือนตำรวจ โดยให้อำนาจ ป.ป.ส.สอบสวนเฉพาะผู้ต้องหาเท่านั้น จึงทำให้คดีไปติดค้างที่พนักงานสอบสวน ถึงแม้ ป.ป.ส.จะรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดแล้วก็ตาม อย่างบางคดีนานกว่าจะออกหมายจับ จึงทำให้ล่าช้าในการขยายผลยึดทรัพย์ตามนโยบายของกระทรวงยุติธรรม
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ป.ป.ส.จึงเสนอขอแก้ไข พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ. 2564 ในมาตรา 11/1 (8) จากกำหนดไว้ว่า สอบสวนผู้ต้องหาในคดีความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด แก้ไขเป็นสอบสวนคดีความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด ที่เลขาธิการ ป.ป.ส.มอบหมายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ซึ่งจะทำให้ ป.ป.ส.มีอำนาจเป็นพนักงานสอบสวนเหมือนเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยถ้าสามารถแก้ไขได้จะทำให้ ป.ป.ส.สามารถขยายผลยึดทรัพย์คดียาเสพติดได้รวดเร็วขึ้น
“เรื่องนี้ ป.ป.ส.มั่นใจว่ามีความพร้อม สามารถเป็นพนักงานสอบสวนได้เพราะมีบุคลากรพร้อม โดยในหน่วยงานมีนิติศาสตรบัณฑิต 244 คน นิติศาสตรมหาบัณฑิต 61 คน รวม 305 คน ซึ่งในจำนวนนี้เป็นเนติบัณฑิตไทยถึง 26 คน ผมเห็นว่าการแก้กฎหมายนี้จะทำให้ป.ป.ส.ทำงานได้คล่องตัวขึ้น และจะยึดทรัพย์คดียาเสพติดได้ตามเป้า 1 หมื่นล้านบาท จึงแนะแนวทางให้ ส.ส.ช่วยเสนอแก้ไขนำหน้าไปก่อน จะทำให้การแก้ไขเร็วขึ้นเนื่องจากถ้าหากเป็นกฎหมายที่ ส.ส.เสนอไม่ต้องทำประชาพิจารณ์ ส่วน ป.ป.ส.ก็แก้ควบคู่กันไป ผมอยากให้แก้ไขเสร็จก่อนเดือนมีนาคม 2566 เพื่อที่จะได้ตัดวงจรยาเสพติดให้หมด” รมว.ยุติธรรม กล่าว