“วิโรจน์” ลั่นบนเวทีประชุมใหญ่ ถ้าอยากเปลี่ยนเกม ต้องก้าวไกลทั้งแผ่นดิน ส่งไม้ต่อ “รังสิมันต์” นั่งโฆษกพรรค ชี้ ประเทศไทยเจอตอทุกครั้งที่ต้องเปลี่ยนให้ดีขึ้น ย้ำ ก้าวไกลไม่มีวันยอมแพ้
วันที่ 30 เม.ย. 2565 ในช่วงบ่ายของการประชุมใหญ่สามัญประจำปีของพรรคก้าวไกล นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ในฐานะอดีตโฆษกพรรคก้าวไกล ขึ้นกล่าวแสดงความรู้สึกก่อนส่งมอบตำแหน่งโฆษกพรรคให้กับ นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล พร้อมระบุว่า ในฐานะสมาชิกพรรคก้าวไกล ขอให้ทุกคนที่นี่ตั้งคำถามว่า การมาเป็นสมาชิกพรรคอนาคตใหม่ จนกระทั่งพรรคถูกยุบแล้วมาเป็นสมาชิกพรรคก้าวไกลวันนี้ ล้วนแต่เพื่อการเปลี่ยนแปลงในโครงสร้าง เพราะเราทุกคนรู้ว่าจะหลับตาข้างเดียวปล่อยให้ความอยุติธรรมแบบนี้ดำรงต่อไปไม่ได้
“ถ้าเปรียบเป็นทีมฟุตบอล มีทีมฟุตบอลทีมหนึ่ง บอร์ดบริหารบอกว่าแผนการเล่นเปลี่ยนไม่ได้ นักเตะขายออกไม่ได้ ซื้อเข้าไม่ได้ ทีมแบบนี้ไปต่อไม่ได้ แน่นอนว่าการปรับเปลี่ยนโครงสร้างทีมแบบนี้อาจจะยาก แต่ถ้าเรายอมแก้โครงสร้าง ก็สามารถลุ้น 4 แชมป์ได้ พรรคก้าวไกลไม่ต้องการเป็นผู้เล่นใหม่ในเกมแบบเดิม แต่เราต้องการเข้ามาเปลี่ยนเกม เราไม่อยากเปลี่ยนแค่ผู้เล่น และถ้าต้องการเปลี่ยนเกม ต้องก้าวไกลทั้งแผ่นดินเท่านั้น”

จากนั้น นายรังสิมันต์ ขึ้นกล่าวว่า วันนี้ได้รับความไว้วางใจจากพรรคให้มาเป็นโฆษก จะขอทำหน้าที่ผสานดวงใจของทุกคนเข้ากับพรรคก้าวไกลเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไทยในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อทางการเมืองให้ดีที่สุด อีกไม่ถึงปีเราจะได้มีโอกาสเลือกตั้ง การประชุมในวันนี้คือการนับถอยหลังระบอบประยุทธ์
การต่อสู้ของเราต้องอาศัยความกล้าเป็นอย่างมาก ทุกสิ่งที่เคยได้อภิปรายไปหลายเรื่องจนถึงกรณีค้ามนุษย์ ตนเองไม่ใช่นักการเมืองไทยคนแรกที่รู้เรื่องนี้ นักการเมืองทุกคนในสภารู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นกับประเทศ ทำให้ข้าราชการดีๆ อย่าง พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 และอดีตหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีค้ามนุษย์โรฮีนจา ต้องลี้ภัย ทำให้อีกหลายคนที่ต้องการเห็นประเทศนี้เป็นประชาธิปไตยต้องลี้ภัย

นายรังสิมันต์ กล่าวต่อไปว่า ที่ประเทศไทยไม่เปลี่ยนไปเพราะเราเจอตอตลอดเวลาที่ต้องการเปลี่ยนแปลงอะไรให้ดีขึ้น ถ้าไม่เรียกความกล้าจากนักการเมืองแล้วจะเปลี่ยนประเทศไทยได้อย่างไร พอแล้วกับการปล่อยให้ประชาชนสู้อย่างโดดเดี่ยว กลัวถูกยุบพรรค แล้วจะมีพรรคการเมืองไปทำไม ถ้ากลัวก็อย่ามาเป็นนักการเมือง ผู้สมัครของเราไม่จำเป็นต้องพูดแต่เรื่องของสถาบัน จะพูดเรื่องอะไรก็ได้ แต่สิ่งพื้นฐานที่ผู้สมัครของเราทุกคนต้องมี คือ ต้องไม่กลัว ถ้าทำภารกิจนี้สำเร็จ สร้างนักการเมืองที่กล้าหาญเข้าสู่สภาได้ ประเทศนี้ก็จะเปลี่ยนแปลงได้ และจะไม่กลับมาที่เดิมอีก
“ทั้งหมดที่ ส.ส.ทุกคนของเราเคยพูดอภิปรายมา เราต่างมีราคาที่ต้องจ่าย แต่ไม่ว่าจะถูกดำเนินคดีแค่ไหน เราจะไม่มีวันเห็นพรรคก้าวไกลยอมแพ้เด็ดขาด เราจะทำให้มั่นใจว่าระบบตั๋ว เส้นสาย พรรคพวกอะไรก็ตาม จะกลายเป็นแค่อดีต ทำให้ประชาชนทุกคนอยู่ในประเทศนี้อย่างมีคุณภาพได้”